6.23.2554
6.16.2554
CONVERSE รองเท้าสุดคลาสสิค
Converse นั้นเป็นบริษัทผลิตรองเท้าที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา โดยทางบริษัทConverse Rubber Corporation ได้เริ่มเปิดกิจการตั้งแต่เมื่อปี 1908 ซึ่งผู้ก่อตั้งคนแรกก็คือ มาร์ควิส เอ็ม คอนเวอร์ส โดยร้านแห่งแรกที่เมืองมัลเดน มลรัฐแมสซาชูเซตส์
สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทำให้ร้านแห่งนี้โด่งดังขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 1917 เมื่อมีการทำรองเท้าผ้าใบรุ่น "All-Star" ออกสู่ตลาด ในปีถัดมา ชาร์ลส์ เอช "ชัค" เทย์เลอร์ บุคคลผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทแห่งนี้จึงได้เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งตัวชัคนั้นเป็นนักบาสเก็ตบอลผู้เล็งเห็นว่า รองเท้าคอนเวอร์สนั้นจะต้องได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการนักบาสเก็ตบอล ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเข้าร่วมทำงานเป็นเซลส์แมนและเป็นทูตคอยโปรโมตสินค้าให้กับคอนเวอร์ส โดยระหว่างเดินทางไปแข่งขันบาสเก็ตบอลทั่วทั้งสหรัฐฯ ชัคจะแนะนำรองเท้าคอนเวิร์ส์ไปด้วย ทำให้คอนเวอร์สกลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่นักบาสเก็ตบอลและวัยรุ่นอเมริกัน ด้วยเหตุนี้ ในปี 1923 ทางคอนเวอร์สจึงนำชื่อ Chuck Taylor's ไปปรากฏร่วมกับโลโก้ของตนที่ติดอยู่บริเวณส่วนที่หุ้มข้อเท้า ทำให้ผู้คนมักเรียกรองเท้านี้ว่า "ชัคส์" ส่วนตัวชัคเองนั้น เขาทำงานให้กับคอนเวอร์สอย่างหนักก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปี 1969
สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทำให้ร้านแห่งนี้โด่งดังขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 1917 เมื่อมีการทำรองเท้าผ้าใบรุ่น "All-Star" ออกสู่ตลาด ในปีถัดมา ชาร์ลส์ เอช "ชัค" เทย์เลอร์ บุคคลผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทแห่งนี้จึงได้เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งตัวชัคนั้นเป็นนักบาสเก็ตบอลผู้เล็งเห็นว่า รองเท้าคอนเวอร์สนั้นจะต้องได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการนักบาสเก็ตบอล ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเข้าร่วมทำงานเป็นเซลส์แมนและเป็นทูตคอยโปรโมตสินค้าให้กับคอนเวอร์ส โดยระหว่างเดินทางไปแข่งขันบาสเก็ตบอลทั่วทั้งสหรัฐฯ ชัคจะแนะนำรองเท้าคอนเวิร์ส์ไปด้วย ทำให้คอนเวอร์สกลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่นักบาสเก็ตบอลและวัยรุ่นอเมริกัน ด้วยเหตุนี้ ในปี 1923 ทางคอนเวอร์สจึงนำชื่อ Chuck Taylor's ไปปรากฏร่วมกับโลโก้ของตนที่ติดอยู่บริเวณส่วนที่หุ้มข้อเท้า ทำให้ผู้คนมักเรียกรองเท้านี้ว่า "ชัคส์" ส่วนตัวชัคเองนั้น เขาทำงานให้กับคอนเวอร์สอย่างหนักก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปี 1969
อย่างไรก็ตาม รองเท้าชัคส์นั้นมีแต่สีดำและสีขาวเป็นเวลานานหลายทศวรรษ แต่เมื่อทีมบาสเก็ตบอลต่างๆ ต้องการที่จะให้รองเท้ามีสีอื่นๆด้วย ทำให้เมื่อปี 1966 คอนเวอร์สจึงต้องผลิตรองเท้าสีอื่นๆ นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุอื่นๆในการทำรองเท้าด้วย เช่น หนัง หนังกลับ ไวนีล ป่าน แทนที่จะเป็นผ้าใบเพียงอย่างเดียว
และต่อมาล่าสุดได้ร่วมกับค่ายแบรนดังต่าง ร่วมกันทำลองเท้าขึ้นมา อย่างเช่น convers x dickies , convers x Number [N]ine, converse x Comme Des Garcon, converse x jackass และอีกมากมาย
6.14.2554
HARLEY-DAVIDSON
HARLEY-DAVIDSON ตำนานที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
สามพี่น้องตระกูล Davidson คือ Arthur, Walter และ William พร้อมด้วย William Harley ได้ให้กำเนิดมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson คันแรกเมื่อปี 1890 ที่เมืองมิลวอกี้ รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งสี่คนชอบการท่องเที่ยว ความเร็ว และธรรมชาติ จึงดัดแปลงรถจักรยานเข้ากับเครื่องมอเตอร์ไซด์ จากนั้นมาก็ไม่มีอะไรหยุดยั้ง Harley-Davidson ได้อีก
เชื่อหรือไม่ว่าในปี 1980 Harley-Davidson เกือบล้มละลายมาแล้วเพราะภาพลักษณ์ที่ฮาร์เล่ย์ถูกมองว่าเป็นพาหนะของอันธพาลแก๊งสเตอร์ ถึงขั้นมีการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ 2 ตระกูลและเปลี่ยนชื่อตราสัญลักษณ์บนมอเตอร์ไซค์ แต่ยอดขายยังตกอย่างน่าใจหาย จนในที่สุดกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัท 2 ตระกูลก็กลับมากุมบังเหียนบริษัทอีกครั้งและเปลี่ยนโลโก้เป็น Harley-Davidson เหมือนเดิม และทำให้ยอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 15 ปี จนนิตยสารที่ทรงอิทธิพลอย่าง Forbes Magazine เคยยกย่องให้เป็น Harley-Davidson เป็นบริษัทยอดเยี่ยมแห่งปีมาแล้ว
ภาพลักษณ์ภายนอกของผู้ขับขี่ Harley-Davidson ในปัจจุบันไม่ได้แตกต่างจากในอดีต ยังใส่เสื้อหนัง กางเกงยีนส์ รองเท้าบู๊ทและผ้าพันคอ พร้อมหนวดเครารุงรัง แต่จากการศึกษาสำรวจกลุ่มลูกค้าฮาเล่ย์ทั่วโลกพบว่าคนเหล่านี้อยู่ในวัยกลางคนยุค Baby Boom มีหน้าที่งานการทำเป็นหลักแหล่ง หรือมีรายได้ต่อปีไม่น้อยเลยทีเดียว (เพราะราคาของ Harley-Davidson นั่นไม่ธรรมดา เริ่มต้นตอนนี้ 8,000USD จนถึงระดับ 50,000 USD เลยทีเดียว) พวกเขาจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มพามอเตอร์ไซค์คู่แข่งท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ในวันหยุด เพื่อสัมผัสอิสระแห่งสายลม แสงแดดและธรรมชาติในวันหยุดโดยทิ้งหน้าที่การงานที่หนักอึ้งออกจากเมืองที่วุ่นวาย ไปใช้ชีวิตเหมือนคาวบอยในอดีตโดยมีม้าเหล็กคู่กาย
ความโดดเด่นไม่เหมือนใครของ Harley-Davidson คือรูปทรงขนาดยักษ์ กำลังของเครื่องยนต์ที่ไม่รองรถยนต์ และเสียงกระหึ่มจากท่อไปเสียที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งครั้งหนึ่ง Harley-Davidson เคยขอจดทะเบียนสิทธิบัตรต่อศาลสหรัฐฯ มาแล้ว เพราะรู้ดีเสียงคำรามกระหึ่มนี่แหละคือหนึ่งในความชื่นชอบของบรรดาสาวก “ฮาร์เล่ย์” แต่ศาลไม่อนุญาต
Harley-Davidson มีคู่แข่งสำคัญคือ BMW และ Honda แต่คู่แข่งทั้งสองทำอะไรกับส่วนแบ่งตลาด road cruising motorcycle จากฮาร์เล่ย์ไม่ได้มากนัก
ในปัจจุบันโรงงานผลิตของ Harley Davidson มีเพียงที่เดียวคือที่เมืองมิลวอกี้ ปีหนึ่งๆ สามารถผลิตได้กว่าสามแสนคัน ทั้งที่จริงแล้วด้วยกำลังการผลิตที่มีอยู่สามารถผลิตออกมาได้มากกว่านี้ แต่พวกเขาไม่ต้องการ พวกเขายังยึดมั่นในคุณภาพ ทำให้บางครั้งลูกค้ามีเงินอยู่ในมือแต่ก็ไม่สามารถซื้อม้าเหล็กนี้ได้ ต้องรอคิวข้ามปีกันทีเดียว
ทุกวันนี้ Harley-Davidson กลายเป็นสัญลักษณ์ของอเมริกาและความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คนแบบที่ไม่สินค้าคู่แข่งหน้าไหนมาลอกเลียนแบบได้
ทุกๆ ปี ในวันจันทร์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ชาวฮาร์เล่ย์ทั่วอเมริกานับแสนๆ คันจะมารวมตัวกันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี เพื่อระลึกวันทหารผ่านศึก (Memorials Day) พวกเขาจะเคลื่อนขบวนไปตามถนน เสียงท่อไอเสียดังกระหึ่ม ขบวนพเหรดนี้มีชื่อว่า Rolling Thunder
ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐิของสหรัฐอเมริกาและของโลกที่รุนแรงครั้งนี้ ราคาหุ้นของบริษัท Harley-Davidson ในวันนี้อยู่ที่ 20USD มีปันผล 1.2USD ถือว่าทำได้ไม่เลวเลย
ชาวบล๊อกเกอร์คนไหนนึกชื่อสินค้าแบรนด์ไหนที่มีลักษณะเฉพาะตัวแบบนี้ และยังสามารถยืนตระหง่านท่ามกลางพายุของการแข่งขันและคลื่นลมทางเศรษฐกิจได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ไม่เสื่อมคลาย ช่วยบอกผมเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ
ที่มา
หนังสือ Inspired By Nature
6.11.2554
กำเนิดลิงน้อย
กำเนิดลิงน้อย Honda Monkey
เจ้าลิงน้อย...จากของเล่นสู่ความคลั่งไคล้
เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1961 ( พ.ศ. 2504 ) ในโรงงานผลิตมอเตอร์ไซด์ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่นโดยที่พนักงานในโรงงานได้นำเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ของมอเตอร์ไซด์ที่ผลิตอยู่ในสายการผลิตมาลองใส่ในตัวถังขนาดเล็กที่ทำขึ้นมาใหม่เพื่
อ ทำให้เป็นมอเตอร์ไซด์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่เล่นในยามว่าง หรือ นำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้ โดยนำเอาเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 50 ซีซี,ไฟส่องทาง,ชุดคันเร่ง,มือเบรค จากฮอนด้าคันใหญ่มาใช้ ส่วนตัวโครงและชิ้นส่วนโลหะอื่นๆ ใช้เศษโลหะที่เหลือจากการผลิตมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาทำ แล้วตกแต่งให้สวยงามโดยให้สีตัวโครงเป็นสีแดง ถังน้ำมันสีขาว ตัดกันอย่างลงตัว แล้วใส่ล้อจิ๋วขนาดเล็กเพียง 5 นิ้ว แล้วตั้งชื่อมอเตอร์ไซด์คันน้อยนี้ว่ารุ่น " แซด ร้อย " Z100 ในเวลานั้นยังไม่ใครนึกถึงชื่ออื่น Z100 ขับวิ่งเล่นครั้งแรกในสวนหย่อม ทามา เทค " Tama Tech " บริเวณรอบๆ โรงงานของฮอนด้านั้นเอง และก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ลองขับขี่ว่า ขี่สนุก ผู้ที่เห็นรูปร่างมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้แล้วจินตนาการได้เหมือนกันว่า เหมือนกับลิงผอมตัวยาวๆ ที่แฝงไว้ด้วยความซุกซน จนมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้ถูกเรียกชื่อกันติดปากและรู้จักกันภายในอย่างไม่เป็นทางการว
่า " ฮอนด้า มังกี้ " " Honda Monkey " ที่ดูยังไง ยังไง ก็เหมือน "ของเล่น" มากกว่าเป็นมอเตอร์ไซด์ ในช่วงแรกที่ทำขึ้นมานี้ยังไม่มีการวางแผนการผลิตอย่างจริงจัง เหมือนเป็นเพียงโครงงานที่คิดขึ้นมาแล้วรอเช็คกระแสตอบรับอยู่ว่าจะไปรอด หรือไม่ แต่หลังจากที่ Z100 ผ่านสายตาพนักงานที่พบเห็นและลองขับขี่แล้วปรากฎว่า กระแสตอบรับดีมากมีแฟนๆ คลั่งไคล้ ทุกเพศทุกวัย ทุกคนที่พบเห็นล้วนแล้วแต่ปรารถนาจะเป็นเจ้าของ
เจ้าลิงน้อย...จากของเล่นสู่ความคลั่งไคล้
เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1961 ( พ.ศ. 2504 ) ในโรงงานผลิตมอเตอร์ไซด์ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่นโดยที่พนักงานในโรงงานได้นำเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ของมอเตอร์ไซด์ที่ผลิตอยู่ในสายการผลิตมาลองใส่ในตัวถังขนาดเล็กที่ทำขึ้นมาใหม่เพื่
อ ทำให้เป็นมอเตอร์ไซด์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่เล่นในยามว่าง หรือ นำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้ โดยนำเอาเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 50 ซีซี,ไฟส่องทาง,ชุดคันเร่ง,มือเบรค จากฮอนด้าคันใหญ่มาใช้ ส่วนตัวโครงและชิ้นส่วนโลหะอื่นๆ ใช้เศษโลหะที่เหลือจากการผลิตมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาทำ แล้วตกแต่งให้สวยงามโดยให้สีตัวโครงเป็นสีแดง ถังน้ำมันสีขาว ตัดกันอย่างลงตัว แล้วใส่ล้อจิ๋วขนาดเล็กเพียง 5 นิ้ว แล้วตั้งชื่อมอเตอร์ไซด์คันน้อยนี้ว่ารุ่น " แซด ร้อย " Z100 ในเวลานั้นยังไม่ใครนึกถึงชื่ออื่น Z100 ขับวิ่งเล่นครั้งแรกในสวนหย่อม ทามา เทค " Tama Tech " บริเวณรอบๆ โรงงานของฮอนด้านั้นเอง และก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ลองขับขี่ว่า ขี่สนุก ผู้ที่เห็นรูปร่างมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้แล้วจินตนาการได้เหมือนกันว่า เหมือนกับลิงผอมตัวยาวๆ ที่แฝงไว้ด้วยความซุกซน จนมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้ถูกเรียกชื่อกันติดปากและรู้จักกันภายในอย่างไม่เป็นทางการว
่า " ฮอนด้า มังกี้ " " Honda Monkey " ที่ดูยังไง ยังไง ก็เหมือน "ของเล่น" มากกว่าเป็นมอเตอร์ไซด์ ในช่วงแรกที่ทำขึ้นมานี้ยังไม่มีการวางแผนการผลิตอย่างจริงจัง เหมือนเป็นเพียงโครงงานที่คิดขึ้นมาแล้วรอเช็คกระแสตอบรับอยู่ว่าจะไปรอด หรือไม่ แต่หลังจากที่ Z100 ผ่านสายตาพนักงานที่พบเห็นและลองขับขี่แล้วปรากฎว่า กระแสตอบรับดีมากมีแฟนๆ คลั่งไคล้ ทุกเพศทุกวัย ทุกคนที่พบเห็นล้วนแล้วแต่ปรารถนาจะเป็นเจ้าของ
6.10.2554
Train Market
วันนี้เราเอาใจหนุ่ม ๆ สาว ๆ ทั้งหลาย ด้วยการพาไปเดินชิล ๆ เคล้าบรรยากาศแนว ๆ มีฉากหลังเป็นโบกี้รถไฟเก่า ๆ โล่งสบาย พร้อมบริหารสายตาด้วยของเก่าสุดเก๋กันที่ ตลาดนัดรถไฟ (Train Market) หรือ ตลาดรถไฟ จตุจักร ซึ่งเป็นตลาดนัดแห่งใหม่ขวัญใจเด็กแนว หรือคนที่ชื่นชอบของโบราณ รักความคลาสสิก อารมณ์คล้าย ๆ กับย้อนเข้าไปสู่ยุคเก่า ที่ ตลาดนัดรถไฟ มีสองโซน คือ โซนข้างนอก ที่เปิดท้ายขายของ ไม่ว่าจะเป็น ของกิน ของใช้ ของใหม่ ของมือสอง รวมทั้งของสะสม, ของเก่า, ของเล่น, ของใช้, ของตกแต่งบ้าน, ของโบราณ, รถโบราณ, จักรยานโบราณ, เสื้อผ้า, แฟชั่น และต้นไม้ ฯลฯ
ส่วนโซนข้างใน ด้านซ้ายจะเป็นโกดัง มีเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุค ส่วนตรงลานโล่งเป็นที่ขายของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้าแนววินเทจ ตุ๊กตาหลากแบบ และสินค้าอื่น ๆ ให้เลือกชมเลือกซื้อมากมาย ที่สำคัญต่อรองได้ ราคาไม่แพงเกินความสามารถในการจับจ่าย
ส่วนโซนข้างใน ด้านซ้ายจะเป็นโกดัง มีเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุค ส่วนตรงลานโล่งเป็นที่ขายของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้าแนววินเทจ ตุ๊กตาหลากแบบ และสินค้าอื่น ๆ ให้เลือกชมเลือกซื้อมากมาย ที่สำคัญต่อรองได้ ราคาไม่แพงเกินความสามารถในการจับจ่าย
6.09.2554
เจอกันได้ที่ "โรงเตี๊ยม"
จุดศุนย์รวมของชาวสองล้อ พบประสังสรรคและแรกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับของคลาสสิค ของเก่าหายาก (เมียเก่า) ฮ่าๆ เจอกันได้ทุดวันหลังพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศดีๆ ฟังเพลงสบายๆ และเตรียมพบกับ รูปแบบร้านแนวใหม่มีทั้งเครื่อง
ตำนาน Yamaha สายพันธุ์ SR 400/500
ทำไมรถรุ่นนี้ถึงได้มีอายุการผลิตที่ยาวนานเกือบ30ปี ?ทำไมถึงมีการปรับเปลี่ยนโฉม(Minor Change) ทั้งหมด 21ครั้งตั้งแต่เริ่มผลิตจนถึงปัจจุบัน ทำไมมันถึงไม่ยอมตกยุคหนำซ้ำยังได้รับความกระแสความน ิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องที่น่าศึกษาและค้นคว้า และนี่คือตำนาน
Yamaha ตระกูล SR 400/500 ได้เริ่มสายการผลิตในครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1978 โดยเริ่มผลิตด้วยรุ่น 500 ก่อน ซึ่งได้ใช้เครื่องยนต์ของรถแนววิบากรุ่นพี่คือ Yamaha XT 500 (เริ่มผลิตปี 1976) เป็นต้นแบบ หลังจากนั้นจึงผลิตรุ่น 400 ตามออกมา
ด้วยการออกแบบรูปทรงเพื่อสนองความต้องการในยุคสมัยนั ้น (ยุครุ่งเรืองของรถมอเตอร์ไซค์จากเมืองผู้ดีอังกฤษ)
เครื่องยนต์สี่จังหวะสูบเดียว 400และ500cc. ระบบการไหลเวียนของน้ำมันเครื่องโดยใช้เฟรมของตัวรถ ซึ่งเป็นที่ต้องตาต้องใจวัยรุ่นยุคนั้นอยู่ไม่น้อยเล ยทีเดียว และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้มีการปรับเปลี่ยนสีสันลายถัง,โลโก้,ระบบเบร ค เป็นต้น มีการผลิตรุ่น SP ทั้งหมด2รุ่น และ Special Edition ทั้งหมด4ครั้ง ที่เราจะได้มาดูในรายละเอียดกันต่อไป
Yamaha ตระกูล SR 400/500 ได้เริ่มสายการผลิตในครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1978 โดยเริ่มผลิตด้วยรุ่น 500 ก่อน ซึ่งได้ใช้เครื่องยนต์ของรถแนววิบากรุ่นพี่คือ Yamaha XT 500 (เริ่มผลิตปี 1976) เป็นต้นแบบ หลังจากนั้นจึงผลิตรุ่น 400 ตามออกมา
ด้วยการออกแบบรูปทรงเพื่อสนองความต้องการในยุคสมัยนั ้น (ยุครุ่งเรืองของรถมอเตอร์ไซค์จากเมืองผู้ดีอังกฤษ)
เครื่องยนต์สี่จังหวะสูบเดียว 400และ500cc. ระบบการไหลเวียนของน้ำมันเครื่องโดยใช้เฟรมของตัวรถ ซึ่งเป็นที่ต้องตาต้องใจวัยรุ่นยุคนั้นอยู่ไม่น้อยเล ยทีเดียว และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้มีการปรับเปลี่ยนสีสันลายถัง,โลโก้,ระบบเบร ค เป็นต้น มีการผลิตรุ่น SP ทั้งหมด2รุ่น และ Special Edition ทั้งหมด4ครั้ง ที่เราจะได้มาดูในรายละเอียดกันต่อไป
30th Anniversary SR400
Yamaha is celebrating the 30th anniversary of the SR400/500 motorcycle series. This is a limited edition 2008 SR400 they have released. I am guessing it will be quite hard to get your hands on one. I would almost keep it stock if i bought one. no point turning one into a cafe racer. they do look beautiful as is. You can still buy these in Japan at reasonable prices. There's also rumours that Yamaha are going to stop producing the SR400 in 2009 so these could really be collectors items
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)